หลายคนคงเคยได้ยินกับ คำว่า “Wear layer” ซึ่งมันคืออะไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มาดูกันครับ
Wear layer คือชั้นกันสึก ชั้นนี้เป็นชั้นสำคัญที่จะป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผิวหน้า
โดยทั่วไปมักจะผสม พีวีซีที่มีคุณสมบัติแข็งและเหนียวเป็นพิเศษ ไว้เพื่อใช้ทำชั้นนี้โดยเฉพาะ


(Layer)ซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบด้วยชั้น 5 ชั้นหลักๆ คือ
1. Coating Layer
ชั้นของสารเคลือบป้องกัน เช่นสารเคลือบกันรังสียูวี ป้องกันการซีดจางของสีผิว สารป้องกันรอยขีดข่วน ป้องกันผิวหน้าเป็นรอย และสาร เคลือบแข็งอื่นๆเพื่อความแข็งแรงของแผ่น ซึ่งบางยี่ห้อจะผสมสารกันไฟทนร้อนเข้าไปขึ้นอยู่กับกรรมวิธีของแต่ละโรงงาน
2. Wear Layer
ชั้นกันสึก ชั้นนี้เป็นชั้นสำคัญที่จะป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผิวหน้า
โดยทั่วไปมักจะผสม พีวีซีที่มีคุณสมบัติแข็งและเหนียวเป็นพิเศษ ไว้เพื่อใช้ทำชั้นนี้โดยเฉพาะ
3.Color sheet Layer
ชั้นนี้จะเป็นสีสรร ของแผ่นพื้นโดยตรงคือ จะเป็นชั้นที่สร้างสวยงามให้แผ่นไวนิล โดยเฉพาะมีให้เลือกหลากหลายทั้งสีลายของหิน สีลายไม้ สีพื้น สีปูนเปลือย สีสไตล์ล้อฟท์ และอื่นๆ
4. Mid Layer
หรือบางที่เรียก Balance Layer ชั้นกลาง ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่ประกอบด้วยพีวีซี ทั้งหมด แต่บางเจ้าเรียกพีวีซีบริสุทธิ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะชั้นนี้เองที่เป็นตัวแบ่งคุณภาพของแผ่นไวนิลว่าของโรงไหนควรราคาเท่าไหร่ ของใครเกรดเอของใครเกรดบี หรือของใครเป็นพื้นไวนิลเกรดต่ำ ซึ่งมีผลมาจากเปอร์เซ็นต์ ความบริสุทธิ์ ของพีวีซี โดยตรง ถ้าใช้พีวีซีรีไซเคิล พื้นไวนิลที่ได้ก็จะมีโอกาสบิดตัวหรืองอสูง เนื่องจากเกิดค่าความถ่วงจำเพาะของเม็ดพีวีซี มีค่าแตกต่างกันถูกนำมาผสมกัน วิธีดูง่ายๆคือ พิสูจน์ด้วยการดม เกรดต่ำจะมีกลิ่นเหม็นของสารฟอกเม็ดพีวีซี เพื่อการรีไซเคิล ส่วนเกรดเอจะไม่มีกลิ่น ดังกล่าว
5. Base Layer
ชั้นรองพื้นล่าง บางโรงงานเรียกชั้นนี้ว่า Wear Layer ซึ่งไม่ต้องแปลกใจ
เพราะเค้าคิดว่ามันเป็นชั้นที่ใช้ห่อหุ้ม ตัวแผ่นข้างในเหมือนๆกันชั้นนี้ถ้าเป็นกะเบื้องยางจะเป็นตาราง หรือตาข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดติดกับกาว กับพื้นเดิม แต่ถ้าเป็นพื้นไวนิลระบบ คลิ๊ก ล็อคพื้นชั้นนี้จะเป็นเหมือนลักษณะเหนียวนุ่มคล้ายฟองน้ำเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการรองรับแรงกระแทกและการดูดซัพเสียง

Rainbow Decor Expert