ในปัจจุบันมีกระเบื้องให้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กระเบื้องยาง กระเบื้องเซรามิก พื้นไม้ปาเก้ พื้นลามิเนต หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ผมได้กล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่นิยม และมีลวดลายที่สวยงามคล้ายๆกัน โดยวันนี้ Rainbow จะพามาเปรียบเทียบระหว่างกระเบื้องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง 2 แบบคือ กระเบื้องยางและกระเบื้องเซรามิก มาดูว่าแต่ละแบบมีจุดเด่นอะไรกันบ้างมาดูกันครับ

กระเบื้องยาง
มาเริ่มกันที่กระเบื้องยางกันก่อนครับ สำหรับกระเบื้องยางนั้นผลิตมาจากวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ และวัตถุดิบโพลิเมอร์ที่ได้จากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จัดเป็นวัสดุปูพื้นอีกประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในยุคปัจจุบัน เพราะมีให้ลวดลาย และโทนสีให้เลือกอย่างหลากหลาย สามารถทำการติดตั้งได้ง่าย (ติดตั้งเองโดยไม่ต้องใช้ช่างก็ทำได้) เนื่องจากมีระบบคลิ๊กเพื่อล๊อค และแผ่นกาวในตัว จึงทำให้ติดตั้งได้รวดเร็ว และสามารถรื้อไปใช้ที่อื่นได้ภายหลัง อีกทั้งยังให้บรรยากาศคล้ายการตกแต่งด้วยพื้นไม้อีกด้วย
ข้อดี
– มีพื้นผิวให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่ใช้ภายใน และภายนอกอาคาร
– ให้การยึดเกาะที่ดี ช่วยลดการลื่น ให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งาน
– ทนทานต่อสภาวะอากาศ และสิ่งแวดล้อมปกติ
– มีความคงทน เหนียว และคงรูปได้ดี
– มีทนต่อความชื้นได้ดี
– หมดปัญหาเรื่องปลวก และทำความสะอาดง่าย
– ใช้เวลาติดตั้งไม่นาน ไม่เกิดฝุ่น ไม่เสียงดังขณะติดตั้ง
– กระเบื้องยางที่ใช้ภายในอาคารบางประเภท ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งได้ด้วยตนเอง
– รอยต่อระหว่างแผ่นสนิท ลดปัญหาความสกปรกของร่องยาแนว ที่มักจะพบได้จากการปูกระเบื้องแบบทั่วๆไป
ข้อเสีย
ข้อเสีย
– เกิดรอยขีดข่วนง่าย ไม่ทนต่อการลากถูสิ่งของบนพื้นผิว
– ไม่ทนต่อกรด ด่าง และสารเคมีบางประเภท
– ไม่ทนต่อรถเข็นล้อยาง หากใช้ในสถานที่มีรถเข็นที่ใช้ล้อเลื่อนเป็นยางจะทำให้ผิวหน้าเสียหาย ควรเลือกใช้ล้อประเภทพลาสติก หรือ ล้อในล่อน
– อาจเกิดการยืดหดตัวมากกว่าเกณฑ์ปกติ ถ้าหากเลือกใช้กระเบื้องยางเกรดไม่ดี
– อาจเกิดความเสียหายจากความชื้นสูง หรือ โดนน้ำท่วมขัง ถ้าหากเลือกใช้กระเบื้องยางเกรดไม่ดี
– การติดตั้งทับพื้นกระเบื้องเซรามิค ต้องปรับตรงยาแนวให้เรียบก่อน ถ้าปูทับโดยไม่ปรับระดับยาแนวให้เรียบจะทำให้กระเบื้องยางเป็นลอนคลื่นอย่างชัดเจน
การนำไปใช้งานมีทั้งแบบปูพื้นภายใน และภายนอกอาคาร

กระเบื้องเซรามิก
สำหรับกระเบื้องเซรามิกนั้น วัสดุที่ผลิตมาจากส่วนประกอบ หรือ วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นหลัก เช่น ดิน หิน และแร่ต่างๆ กระเบื้องเซรามิกที่ใช้สำหรับปูพื้นนั้นมีทั้งชนิดเคลือบมัน และชนิดที่ไม่เคลือบมัน โดยในส่วนผิวหน้าเคลือบนั้นสามารถแบ่งได้ คือ ผิวมัน (Glossy) และผิวธรรมดา (Matt) ซึ่งชนิดผิวธรรมดานี้ก็ยังสามารถแบ่งอีก 2 ชนิด นั่นก็คือเป็นกระเบื้องแบบผิวไม่หยาบ (Satin) และผิวหยาบ (Rustic)
ข้อดี
– มีความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายสิบปี
– เป็นรอยขีดข่วนยาก
– ไม่กลัวปลวก ทนต่อความชื้นในสภาพอากาศเขตร้อนชื้น
– ทนต่อความร้อนสูง ไม่ติดไฟ ไม่มีกลิ่น และไม่นำไฟฟ้า
– ติดตั้งได้ง่าย และรวดเร็ว
– มีลวดลาย และโทนสีให้เลือกอย่างหลากหลาย
– ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ และหาซื้อได้ง่าย
– ผิวสัมผัสมีความเย็น จึงช่วยสร้างสภาวะอากาศที่เย็นสบายภายในอาคาร แม้ด้านนอกอาคารจะร้อนก็ตาม
– ง่ายต่อการทำความสะอาด
ข้อเสีย
– เวลาเปียกน้ำมักจะดูดซึมน้ำสูง และมีความลื่นเสี่ยงเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
– เมื่อรื้อแล้ว ไม่สามารถนำกลับมาปูใช้ใหม่ได้
– ไม่เหมาะกับพื้นที่ ที่จะต้องรับน้ำหนักมาก เพราะกระเบื้องเซรามิกอาจปริแตก หรือ ร้าวได้
– อุณหภูมิของผิวสัมผัสมีความเย็น ไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานในห้องของผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้
การนำไปใช้งานสามารถนำไปใช้ปูพื้นได้ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร (ภายนอกใช้แบบผิวหยาบ เพื่อป้องกันการลื่น)

ที่ Rainbow ได้กล่าวไปเบื้องต้นเพื่อนๆคงได้รู้ถึงความแตกต่างและข้อดีข้อเสียของกระเบื้องยางและกระเบื้องเซรามิกไปแล้ว ซึ่งก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้วัสดุตกแต่งประเภทใดๆก็ตาม เราที่จะควรไตร่ตรองดูอย่างละเอียดในทุกๆมิติ เนื่องจากมีอีกหลายๆองค์ประกอบในการตัดสินใจ และนอกจากข้อมูลการเปรียบเทียบวัสดุชุดนี้แล้ว สิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ เราควรพิจารณาดูว่าวัสดุประเภทนั้นๆมีความเหมาะสมกับสไตล์และรสนิยมของคุณมากน้อยแค่ไหน รวมถึงมีความเหมาะสมกับพื้นที่ ที่เราจะตกแต่งแค่ไหน เพราะเมื่อเราได้ตัดสินใจที่จะติดตั้งไปแล้วมันจะอยู่กับเราไปอีกนาน และคงไม่มีใครอยากจะแก้ไข หรือ ปรับปรุงบ่อยๆอย่างแน่นอนครับ